Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

วันพุธที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2561

Bhupathy’s Purple Frog กบสายพันธุ์ใหม่

🐸Bhupathy’s Purple Frog กบสายพันธุ์ใหม่ที่ถูกค้นพบในอินเดีย
ก่อนหน้านี้เราเคยนำเสนอเรื่องเกี่ยวกับกบที่มีตัวโปร่งใสกันไปแล้ว ซึ่งตอนนี้เราก็จะขอพาเพื่อนๆ มาพบกับกบสายพันธุ์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยมันถูกค้นพบในพื้นที่เทือกเขา Western Ghats ของประเทศอินเดีย และมันมีลักษณะพิเศษคือ ผิวหนังสีม่วงอมเทาระยิบระยับ และมีวงแหวนสีฟ้ารอบๆ ดวงตา พร้อมกับจมูกที่คล้ายกับหมู
นักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งชื่อให้สายพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบนี้ว่า Bhupathy’s Purple Frog เพื่อเป็นเกียรติให้กับ Dr. Subramaniam Bhupathy นักสัตววิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ 
ที่เสียชีวิตในเทือกเขาที่ค้นพบเจ้ากบตัวนี้เมื่อปี 2014

ด้าน Elizabeth Prendini นักสัตววิทยาด้านสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำจากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติของสหรัฐอเมริกากล่าวว่า ‘กบสายสายพันธุ์นี้มีความเก่าแก่และความหลากหลายทางสายพันธุ์ที่ต่ำมาก ดังนั้นการได้ค้นพบสายพันธุ์ใหม่จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งและเป็นเรื่องที่พิเศษมาก’
กบสายพันธุ์นี้ส่วนมากจะหากินอยู่ใต้ดิน โดยการใช้ลิ้นของพวกมันตวัดกินพวกมดปลวกที่อาศัยอยู่ในนั้น และในแต่ละปีพวกมันจะขึ้นมาบนดินช่วงฤดูฝนแค่เพียง 2 สัปดาห์เพื่อสืบพันธุ์เท่านั้น 
จากนั้นกบตัวเมียที่ได้รับการผสมพันธุ์แล้วจะทำการวางไข่ใกล้ๆ กับลำธาร พอผ่านไปประมาณ 1 หรือ 2 วัน ลูกอ๊อดตัวน้อยก็จะลืมตาออกมาดูโลก
พวกมันจะมีการพัฒนาส่วนที่ปากคล้ายกับปลาซักเกอร์ และจะอาศัยอยู่รอบๆ ก้อนหินเพื่อกินพวกสาหร่ายเล็กๆ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 120 วันเพื่อพัฒนาเป็นตัวโตเต็มวัย ก่อนจะกลับไปอาศัยอยู่ใต้ดิน
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ได้ออกมาเปิดเผยว่ากบสีม่วงสายพันธุ์ใหม่ที่ถูกค้นพบครั้งนี้มีการพัฒนาที่แตกต่างจากญาติๆ ของมัน โดย Jodi Rowley นักชีววิทยาสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำจากออสเตรเลียกล่าวว่า ‘เจ้ากบสีม่วงที่ค้นพบครั้งนี้มีวิวัฒนาการที่แตกต่างจากญาติของมัน และดูเหมือนว่าพวกมันจะมีวิวัฒนาการมาจากสายพันธุ์ทางแอฟริกามากกว่าทางอินเดีย’
Bhupathy’s Purple Frog
นอกจากมันจะเป็นกบสายพันธุ์ใหม่ที่ทางนักวิทยาศาสตร์ค้นพบแล้ว มันยังมีรูปร่างหน้าตาที่แปลกประหลาดสุดๆ เมื่อเทียบกับกบสายพันธุ์อื่นๆ เพราะดูแล้วมันอาจไม่ค่อยเหมือนกบสักเท่าไหร่ด้วยซ้ำ แถมมันยังมีวิธีการกินและอยู่อาศัยที่แตกต่างจากกบทั่วไปอีกด้วย
ที่มา : nationalgeographic.com 

รายการบล็อกของฉัน